5 แหล่งท่องเที่ยวเปรู ไม่ได้มีแค่มาชูปิกชู
รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวและเมืองที่น่าสนใจของประเทศเปรู แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักประเทศเปรูกันก่อน เปรูตั้งอยู่ทิศตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ มีภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งพื้นที่ชายฝั่งที่เรียกว่า “โกสตา ( Costa )” เขตที่สูงบนเทือกเขาแอดีสมีชื่อว่า “เซียร์ร่า ( Sierra )” และเขตป่ารกทึบเป็นส่วนหนึ่งของป่าดิบชื้นแอมะซอน ซึ่งกินพื้นที่ 60% เรียกว่า “เซลวา ( Selva )” นอกจากการท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว เปรูยังมีอารยธรรมและวัฒนธรรมของชนเผ่าอินคาโบราณ และการผสมผสานระหว่างเชื้อชาติหลังได้รับเอกราช ทำให้เปรูมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายทั้งทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์
เปรูเวลาช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง ใช้ภาษาสเปนในการสื่อสาร สกุลเงิน Nuevo sol / Soles โดย 1 โซล เท่ากับ สิบบาท โดยประมาณ การเดินทางในประเทศเปรูอาจไม่สะดวกมากนัก จึงต้องมีการวางแผนหรือติดต่อกับการเดินทางกับทางโรงแรม สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทยไม่ต้องขอวีซ่าและสามารถอยู่ได้นาน 90 วัน ข้อควรระวังในการเดินทางในเปรู เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์อยู่ในพื้นที่สูง อากาศเบาบางและอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย ไปจนถึงอาการแพ้ที่สูง หรือ Altitude sickness โรคที่เกิดจากการเดินทางในสภาพภูมิประเทศที่อยู่สูงมากๆอาจเป็นโรคนี้ได้ ต้องค่อยๆปรับตัวเข้ากับสถานที่เคลื่อนที่ช้าลง การเตรียมตัวที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทางไปค่ะ
เปรูเป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักเดินทางทั่วโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
📍 แมนโครา ( Mancora )
หมู่บ้านริมทะเลที่มีความเงียบสงบและสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ความสวยงามของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นทะและ ท้องฟ้าสดใส ชายหาดที่ทอดยาวริมชายฝั่งไก้รับความนิยมที่สุดในประเทศ อดีตเคยเป็นท่าเรือประมง มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะจนเกินไปเหมาะสำหรับการพักผ่อนมีที่พักริมทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ที่นี่จึงเป็นหาดที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนได้มากทีเดียว
📍 ทะเลทรายนัซกา ( Nazca Desert )
ปริศนาลายเส้นโบราณนี้เป็นที่กล่าวขานกันมาช้านาน ด้วยลายเส้นขนาดใหญ่บนพื้นที่กว้างกว่า 80 กิโลเมตร และจำนวนหลายร้อยภาพ โดยภาพที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดกว่า 200 เมตร แต่ละภาพมีความซับซ้อน โดยมีลักษณะลวดลายทางเลขาคณิต คน สัตว์ต่างๆ มีอายุมายาวนานกว่าสองพันปี ภาพที่ถูกวาดขึ้น มีชื่อเรียกว่า จีโอกลิฟ (Geoglyphs) สันนิษฐานว่า ชาวอินคา ได้สร้างขึ้นจากการวัด คำนวณ และวาดออกมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมโบราณเพื่อขอฝนจากเทพเจ้า แต่มีข้อถกเถียงมากมายว่าไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์แต่เป็นของมนุษย์ต่างดาวที่เคยมาเยือน แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงหาข้อพิสูจน์ ยิ่งทำให้ทะเลทรายแห่งนี้มีสเน่ห์น่าไปค้นหามากขึ้น
เมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเปรู ที่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบติติกากา(LacoTiticaca) ทะเลสาบน้ำจือที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ตั้งอยู่บนเทอกเขาแอนดีสเป็นพรหมแดนทางธรรมชาติระหว่างประเทศเปรูและประเทศโบลิเวีย ซึ่งเป็นทะเลทราบที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 4,000 เมตร การท่องเที่ยวในปูโนเน้นสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเผ่าอูรอส (Uros) เป็นหนึ่งในชนเผ่าที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในอเมริกาใต้มีประชากรประมาณ 2,000 คน บนเกาะ นักวิจัยเชื่อว่า เป็นเผ่าแรกๆที่อพยพมากจากลุ่มแม่น้ำแอมะซอน มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ทะเลสาบติติกากา เกาะอูรอสเป็นเกาะที่ถูกสร้างขึ้นจากพืชท้องถิ่นชื่อโตโตร่า (Totoro) จะมีการสาธิตวิธีการสร้างเกาะ พืชชนิดนี้มีลักษณะคล้ายหญ้าเป็นพืชตระกูลต้นกก ชาวเผ่ายังมีความเป็นอยู่วนเวียนอยู่กับพืชชนิดนี้ เพราะยังสามารถนำไปสร้างบ้าน สานเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หรือเรือที่มีรูปทรงคล้ายกล้วยหอม ด้วยความสร้างสรรค์และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าสร้างความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เราสามารถลองพายเรือหรือเลือกชมวิวด้วยเรือชนิดนี้ได้ อาหารพื้นเมืองของที่นี่ก็มีความน่าสนใจ และสามารถหาซื้อของฝากได้อีกด้วย การพักค้างคืนสามารถพักได้ที่เกาะอมานตานิ (Amantani) ด้วยความสวยงามของทะเลสาบติติกากาและหุบเขาที่นี่จึงเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยงของนักเดินทางทั่วโลก เหมาะที่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก่อนไปต่อเรือข้ามแดนไปยังประเทศโบลิเวีย
เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองโมเดิร์นอีกเมืองของประเทศเปรู รองจากเมืองลิมา เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม เมืองนี้เป็นเมืองที่มีความสำคัญในเปรูทางตอนเหนือ เดิมเป็นเมืองเล็กๆ เป็นจุดพักของชาวสเปนที่เดินทางจากลิมาไปยังกีโตสในอดีต เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าท่องเที่ยว สัมผัสกลิ่นอายอาณานิคมของตรูฮีโย ที่บริเวณศูนย์กลางเมือง (Plaza de Armas) จัตุรัสอันยิ่งใหญ่ ล้อมไปด้วยอาคารสีพาสเทล มีวิหารตรูฮีโยสีเหลืองเด่นเป็นสง่า หากเดินตามถนน Francisco Pizarro เพื่อไปยัง Plazuela El Recreo จะพบกับประตูโบราณและบางส่วนของกำแพงเมืองในอดีตที่ยังหลงเหลือให้เห็นอยู่ สามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลได้ที่คฤหาสน์ Casa Ganoza Chopitea หนึ่งในคฤหาสน์ที่สมบูรณ์ถูกอนุรักษ์ไว้ในเมืองตรูฮีโย มีแหล่งโบราณคดี ศึกษาประวัติศาสตร์หรือศิลปะสมัยยุคก่อนโคลัมบัสจะเดินทางมาถึงอเมริกาที่ พิพิธภัณฑ์ Museo Arqueologia หรือจะชมเซรามิกได้ที่ พิพิธภัณฑ์ Mueso Cassinelli สามารถเยี่ยมชมเมืองโบราณChan Chan เมืองสัมยยุคก่อนโคลัมบัสที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีวัดวาที่สร้างจากอิฐโคลนในสมัยอินคา และยังเป็นที่ตั้งของปิระมิดบางส่วน มีสถาปัตยกรรมในยุคโบราณหลายร้อยปีที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ สวยงาม จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งคือ Huanchaco เป็นสถานที่ที่มีการเล่นกระดานโต้คลื่น Caballito de Totoro หรือเรืออ้อ ที่ถูกสร้างขึ้นจากต้นโตโตร่า (Totoro) พืชท้องถิ่น ทัศนียภาพของทะเลแห่งนี้มีความสวยงาม สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ชาวตรูฮีโยขึ้นชื่อเรื่องของความรื่นเริงและการเฉลืมฉลอง มีเทศกาลที่น่าสนใจในเดือนมกราคม คือเทศกาล Marinera Festival จะได้รับชมการแสดงเต้นรำแบบพื้นเมืองดั้งเดิม ในเดือนตุลาคมและมกราคม ยังมีเทศกาลคาร์นิวัลที่แห่ไปตามถนนสายต่างๆทั่วเมือง
เมืองอีกีโตสตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเปรู ไม่ไกลจากชายแดนที่ติดต่อกับ ประเทศเอกวาดอร์ โคลัมเบียและบราซิล ท่าเรือที่นี่เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้ โดยถ้านึกถึงป่าและแม่น้ำเมซอนต้องนึกถึงเมืองนี้ ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแอมะซอน เพราะเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ Allpahuayo – Mishana มีสัตว์ป่าและพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และเขตสงวนแห่งชาติ Pacaya – Samiria เป็นเขตสงวนที่ใหญ่ที่สุดในเปรู มีชุมชนอยู่ประมาณ200 กลุ่ม หรือประชากรราวๆ 40,000 คน แนะนำให้เดินทางพร้อมไกด์เท่านั้น เนื่องจากเป็นผืนป่าที่ใหญ่ ต้องเป็นคนที่ชำนาญหรือรู้เส้นทางการเดินป่าในแถบนี้ เพราะอาจจะหลงป่าได้ง่ายๆ
ประเทศเปรูยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่น่าสนใจ เป็นประเทศที่มีความน่าค้นหาทั้งในด้านวัฒนธรรมและความงามของธรรมชาติ ควรค่าแก่การตามรอยจักรวรรดิอินคาในอดีต ทัศนียภาพและความน่าหลงในควาสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ความผสมผสานที่หลงเหลือมากจากยุคล่าอาณานิคม ทำให้เปรูเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่น่าเลือกไปท่องเที่ยวสักครั้งในชีวิต
